วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การเจาะเลือดก็ทำให้มีผลข้างเคียงได้ เช่น
  1. เจ็บที่เข็มแทง
  2. ผิวหนัง ที่เจาะเลือดมีการอักเสบ  ทำให้เจ็บ
  3. เส้นเลือดแตก  เกิดรอยห้อเลือด
  4. ทำให้เลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำทำให้มีอาการเจ็บบริเวณนั้นได้
การทำอัลตราซาวนด์  มักจะตรวจผ่านทางช่องคลอดไม่ก่อให้เกิดอันตราย  แต่รู้สึกไม่สะดวกเล็กน้อย  หรือเจ็บได้บ้างในช่วงที่ไข่ใกล้จะตก
การ กระตุ้นรังไข่ด้วยยากระตุ้นการตกไข่  อาจทำให้ไข่หรือถุงไข่โตและไข่ตกหลายฟองในคราวเดียวได้  การที่มีไข่ตกหลายฟองในคราวเดียวกัน  จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ  แต่ก็มีโอกาสเกิดครรภ์แฝดได้  สถิติพบครรภ์แฝดจากการผสมเทียมในหลอดแก้ว  20-25% ของการตั้งครรภ์  แต่เราจะพยายามไม่ใส่ตัวอ่อนเกินคราวละ 3 ฟอง เพราะกลัวจะเกิดครรภ์แฝดหลายคนเกินไป  และเกิดอันตรายต่อแม่และทารกได้
การเจาะไข่การจะได้ไข่มาผสมกับอสุจิในหลอดแก้ว จะต้องเจาะผ่านทางช่องคลอดแล้วดูดออกมาโดย ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์คอยบอกว่าถุงไข่และปลายเข็มที่เจาะรังไข่อยู่ตำแหน่ง ได  แล้วดูดเอาน้ำในถุงไข่ซึ่งมีไข่อยู่ด้วยออกมา(เจาะผ่านทางช่องคลอดเพราะรัง ไข่อยู่ใกล้บริเวณนั้น และผนังช่องคลอดบาง เจาะง่าย กผลข้างเคียงน้อย)  ปกติจะใช้เวลาประมาณ  30  นาที  สำหรับขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนได้คือ
  1. ปฏิกริยาต่อยาดมสลบผิดปกติ
  2. ผลจากการแทงเข็มผ่านช่องคลอด เช่น มีการอักเสบ  มีเลือดออก
  3. การแทงไปถูกอวัยวะอื่นใกล้เคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ลำไส้  กระเพาะปัสสาวะ  เส้นเลือด  เป็นต้น
(โอกาส ดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยมาก  แต่ต้องกล่าวไว้  เพราะมีรายงาน บางคนต้องเย็บเพื่อหยุดเลือด  หรือมีการอักเสบมาก  จนอาจต้องตัดมดลูกได้)
การเก็บและเตรียมอสุจิ
ในขณะที่มีการเก็บไข่  สามีก็จะเก็บน้ำอสุจิออกมาโดยการช่วยตัวเอง (ก่อนถึงวันนี้สามี-ภรรยาต้องงดการหลับนอนด้วยกันและห้ามมีการหลั่งน้ำกาม 3-5 วัน)  หลังจากเก็บน้ำเชื้อได้ก็จะถูกส่งไปห้องแล็บ (Lab.) เพื่อเตรียมเอาเฉพาะเชื้ออสุจิที่แข็งแรงออกมา  เพื่อการผสมกับไข่ให้เกิดการปฏิสนธิ  สามีบางคนมีความเครียดในวันนั้น  ทำให้เก็บเชื้อไม่ได้  ถ้าใครคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นให้เก็บน้ำเชื้ออสุจิแช่แข็งในห้องปฏิบัติการ ของเราก่อน
การใส่เชื้ออสุจิในไข่และการเลี้ยงตัวอ่อน หลัง จากดูดน้ำออกมาจากถุงไข่แล้ว น้ำนั้นจะถูกส่งเข้าห้องแล็บ (Lab.) เพื่อตรวจดูว่ามีไข่อยู่หรือเปล่า แล้วเอามาเก็บเตรียมการปฏิสนธิกับอสุจิ  ตอนเจาะดูดไข่อาจได้ไข่ออกมาหลายฟอง ก็จะทำการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการทั้ง หมดทุกฟอง  เพื่อให้ได้จำนวนตัวอ่อนมากที่สุด เพื่อตัวอ่อนที่เหลือจากการใส่ในโพรง มดลูกในครั้งแรก จะถูกแช่แข็งไว้แล้วนำกลับมาใส่ใหม่ในครั้งต่อไป
ถ้าไม่สำเร็จ(หรือแม้ถ้าสำเร็จในครั้งแรกมีการตั้งครรภ์)  ส่วนที่เหลือจะนำมาใช้ให้มีการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป  หรือหลังจากคลอดบุตรแล้วต้องการจะทำอีก (แต่ถ้าใครไม่ต้องการให้มีการแช่แข็งควรบอกแพทย์ เพื่อจะไม่เก็บตัวอ่อน ไว้ หรือเมื่อตั้งครรภ์แล้วตัวอ่อนที่แช่แข็งอยู่ ผู้ป่วยไม่ต้องการใช้ อาจนำออกมาทำลายหรือบริจาคให้ผู้อื่นได้  )
วันรุ่งขึ้นหลังจากใส่ เชื้ออสุจิรวมกับไข่ในหลอดแก้ว ก็จะสามารถตรวจดูได้ว่ามีการปฏิสนธิหรือไม่ โดยจะเห็นโปรนิวเคลียสของไข่และ ของอสุจิอยู่คู่กันในเซลล์ไข่ (เรียกเซลล์นี้ว่า Zygote) หลังจากนั้นจะปล่อยให้ Zygote เจริญและแบ่งตัวต่อไปอีก 2 วัน (เรียกตอนนี้ว่า ตัวอ่อน – Embryo) เป็น 4-8 เซลล์แล้วจึงนำไปใส่ในโพรงมดลูกของแม่บางคนต้องการจะเลี้ยงตัว อ่อนต่อไปอีก 2 วัน เพื่อให้เจริญเป็นบลาสโตซิสต์ (Blastocyst) แล้วนำไปใส่ในโพรงมดลูก เพื่อหวังว่าจะมีการตั้งครรภ์มากขึ้นก็ได้ แต่การ เลี้ยงจนถึงบลาสโตซิสต์อาจเหลือจำนวนบลาสโตซิสต์น้อยลง (บางตัวหยุดการเจริญไปก่อนจะเป็นบลาสโตซิสต์ เพราะความไม่สมบูรณ์ของตัวอ่อนหรือจากสิ่งแวดล้อมในหลอดแก้ว ที่ไม่เหมือนธรรมชาติ 100 %อยู่แล้ว)
การใส่บลาสโตซิสต์อาจทำให้ อัตราการตั้งครรภ์ต่อการใส่ตัวอ่อนแต่ละครั้งสูงขึ้น 10-20%  ซึ่งพ่อแม่จะต้องยอมรับที่ตัวอ่อนจะสลายไปบ้างก่อนได้บลาสโตซิสต์  และเป็นเรื่องที่ควรจะคุยปรึกษากันกับแพทย์ในกรณีมีการปฏิสนธิในไข่หลาย ๆ ฟอง
การใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก
ตัวอ่อนจะถูกใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ 3 หรือวันที่ 5 หลังจากเจาะดูดออกมาจากรังไข่ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงตัวอ่อนถึง 4-8 เซลล์ หรือถึง บลาสโตซิสต์    ตัวอ่อนจะถูกใส่เข้าในโพรงมดลูกโดยใส่ผ่านท่อพลาสติกเล็ก ๆ สอดเข้าทางปากมดลูก

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องใช้ยา สลบ เพราะไม่เจ็บและไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลค้างคืน จำนวนตัวอ่อนที่ใส่ใน แต่ละคราวจะไม่ให้เกิน 2-4 ตัวอ่อน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แฝดเด็กคราวละหลายคนเกินไปขณะ ใส่ตัวอ่อนอาจมีการบีบตัวของมดลูก  ทำให้มีอาการปวดได้บ้าง  การบีบตัวของมดลูกนี้อาจบีบให้ตัวอ่อนเข้าไปในท่อนำไข่  ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้บางราย (มีอุบัติการณ์ 2-5% ของการตั้งครรภ์)  ดังนั้นเมื่อตั้งครรภ์โดยทำเด็กหลอดแก้วต้องคอยดูด้วยว่ามีการตั้งครรภ์นอก มดลูกแฝงอยู่ด้วยหรือไม่  (ซึ่งวินิจฉัยในระยะแรกได้ค่อนข้างยาก  มักตรวจพบเมื่อท่อนำไข่ตรงที่ตัวอ่อนไปฝังตัวถูกยืดมาก หรือจนแตกแล้ว)
เมื่อใส่ตัวอ่อนในโพรงมดลูกแล้ว  แม่จะต้องได้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเสริม  อาจเป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือสอดใส่ทางช่องคลอดในรูปของยาเม็ดหรือเจ ลเพื่อเสริมฮอร์โมนกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความสมบูรณ์ที่จะเลี้ยงตัว อ่อนได้ดี  เมื่อถึง 2 สัปดาห์หลังจากดูดเจาะไข่ จะให้ตรวจเลือดดูฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (BHCG) ถ้ามีการตั้งครรภ์จะให้ฮอร์โมนเสริมต่อไปอีก จนตั้งครรภ์ 8-12 สัปดาห์จึงหยุดให้เพราะหลังจากนั้นฮอร์โมนจากรกเลี้ยงตัวอ่อนได้เองพอเพียง แล้ว

1 ความคิดเห็น:

  1. The Shree Chitra at Wynn Casino - Mapyro
    › mapyro › The 제주도 출장마사지 Shree 남양주 출장마사지 Chitra is 나주 출장샵 a beautiful 10-story high-rise in Las Vegas, 거제 출장마사지 Nevada. 남원 출장마사지 It offers panoramic views of Lake of Dreams and the natural beauty of Mystic Lake.

    ตอบลบ